เกม “Wo Long: Fallen Dynasty” ตะลุยโลกสามก๊กในรูปแบบ Soul-Like

เกม “Wo Long: Fallen Dynasty” ตะลุยโลกสามก๊กในรูปแบบ Soul-Like
ในยุคที่เกมแนว Soul-Like กลายมาเป็นขวัญใจของเกมเมอร์หลาย ๆ คนทำให้ในยุคนี้มีเกมประเภทนี้คลอดออกมารายปีนับไม่ถ้วน แต่ก็ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างหายากที่จะมีผู้พัฒนาทีมไหนจะสามารถนำเสนอรูปแบบการเล่นของเกมแนวนี้ให้แตกต่างจากค่ายบุกเบิกและครองตลาดเกมแนวนี้อย่าง From Software เจ้าของผลงาน Game Of The Year ปีล่าสุดอย่าง Elden Ring ได้ ซึ่งก็ต้องขอบอกเลยเลยว่า Team Ninja เจ้าของผลงานอย่าง Nioh คือทีมพัฒนาเกมอีก 1 ทีมที่สามารถทำให้เกมแนวนี้มีสไตล์เป็นของตัวเองอย่างชัดเจน สรรสร้างเติมแต่งเกมแนวนี้ให้มันยกระดับเกมเพลย์ได้สนุกไปในอีกทิศทางที่จะต้องทำให้คุณประทับใจแน่นอน
Wo Long: Fallen Dynasty คือเกมแนว Soul-Like ที่นำเสนอเรื่องราวผ่านตำนานสามก๊กของจีนที่นำมาตีความใหม่ใส่กลิ่นความเป็นดาร์กแฟนตาซีเข้าไป โดยเรื่องราวจะเริ่มต้นที่เราจะได้รับบทเป็นทหารอาสาสมัครนิรนามที่ฟื้นคืนชีพมาจากความตายพร้อมกับเครื่องลางปริศนา และกลายเป็นผู้ออกตามฆ่าปิศาจเพื่อกอบกู้โลกที่ล่มสลายแห่งนี้ โดยที่ระหว่างเดินทางเราจะได้พบเจอกับเหล่าผู้กล้าในยุคสามก๊กมากมายที่คุณคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น กวนอู เล่าปี่ ซุนเกี๋ยน จูล่ง เตียวหุย โจโฉ และ ลิโป้ ที่จะมาเป็นพันธมิตรออกไปต่อสู้ร่วมกับเรา
เป็นเกม Soul-Like ที่เร็วที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมา
เกมนี้หากไม่ได้เห็นขอมูลที่ตัวเกมปล่อยออกมาเลยมองแค่เกมเพลย์เผิน ๆ ครั้งแรกผมก็นึกว่ามันเป็นเกมแนวบู๊แหลกแบบ Hack and Slash เลยก็ว่าได้ แต่ทว่านี่ไม่ใช่เกมตะลุยไปข้างหน้าฟันดะไปเรื่อย ๆ แล้วจะสามารถเอาชนะศัตรูได้ เพราะนี่ก็เป็นอีก 1 เกมที่คุณจะต้องเรียนรู้จังหวะและระบบต่าง ๆ ให้เกิดความชำนาญผ่านการตายนับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกับเกมแนว Soul-Like อื่น ๆ เช่นกัน และการเลือกตอบโต้ศัตรูในเกมนี้ก็มีให้ผู้เล่นเลือกใช้ตามสถานการณ์มากมายไม่ว่าจะฟันหนัก ฟันเบา ใช้สกิล ลอบเร้น หลบ ยกดาบกัน แพรี่ หรือจะใช้เวทก็ได้ด้วย เพียงแต่ว่าแอนิเมชันของเกมนี้มันจะไวมาก ๆ ราวกับหลุดมาจากหนังจีนจอมยุทรกำลังภายในเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ต้องบอกว่าแรก ๆ เกมจะเล่นยากมากแต่พอเราเริ่มเข้าใจระบบของเกมหรือเริ่มชินนี่จะเป็นเกมที่เล่นได้มันสุด ๆ ไปเลย
นักรบย่อมต้องการพลังใจในการต่อสู้
อีก 1 ระบบไฮไลต์เฉพาะตัวภายในเกมนี้ที่ผมประทับใจตั้งแต่เริ่มแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสกับตัวเกมเลยก็คือระบบพลังใจของตัวละครภายในเกมนี้ โดยที่ทั้งเราและศัตรูจะมีเหมือนกัน ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ มันก็เปรียบเสมือนเลเวลชั่วคราวนั่นเอง (จะเป็นตัวเลขตรงกลางจอ) ซึ่งทุกครั้งที่เราเริ่มเล่นด่านใหม่ตัวละครเราจะมีค่าพลังใจเท่ากับ 0 แล้วถ้าถามว่าค่าพลังนี้มันมันส่งผลกับเกมเพลย์อย่างไร ผมก็ต้องบอกว่ามันจะทำให้เกมยากขึ้นมากหากคุณต้องไปต่อสู้กับศัตรูที่มีค่าพลังใจห่างกับเรามาก ๆ เช่นถ้าเรามีค่าพลังใจแค่ 1 แต่ศัตรูมีค่านี้ 20 เราจะโจมตีศัตรูได้เบามาก ๆ แต่ในทางกลับกันศัตรูอาจจะ One Hit Kill เราได้เลย
นั่นจึงทำให้ผู้เล่นต้องโฟกัสในเรื่องของการเพิ่มพลังใจระหว่างเล่นด้วยถ้าอยากให้เกมนี้เล่นแล้วไม่หัวร้อนจนเกินไป (ฮา) ซึ่งวิธีเพิ่มพลังใจหลัก ๆ ในเกมนี้จะทำได้ 2 วิธีคือจัดการศัตรูไปเรื่อย ๆ หรือไม่ก็หาที่ปักธงที่ซ่อนอยู่ตามฉาก และขอเตือนอีกอย่างคือค่าพลังใจของเราจะหายไปจนเหลือเท่ากับตอนที่เราปักธงศึกขนาดใหญ่ครั้งล่าสุด (จุดเกิด) และถ้าอยากได้พลังใจคืนเราก็ต้องกลับไปฆ่าศัตรูที่สังหารเราในรอบที่แล้วให้ได้ แต่ศัตรูที่ตัวนั้นจะมีพลังใจที่มากขึ้นหรือก็คือมันจะเก่งขึ้นกว่าตอนที่ฆ่าเราในครั้งแรกด้วยนะเออ